
พายุฝนฟ้า อากาศแปรเปลี่ยนในดินแดนกรีกโบราณ คลื่นซัดสาด โรคระบาด และความแร้นแค้น ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ขึ้นและตกลงไปในมหาสมุทร ชาวกรีกสามารถนำมาเล่าเป็นนิทาน เล่าขานสืบต่อกันผ่านรุ่นสู่รุ่น ผ่านบทกวีที่เขียนขึ้นมากมายหลายเวอร์ชัน กวีคือผู้รู้ ผู้ที่พยายามไขปริศนาความลับของธรรมชาติไม่ต่างจากนักวิทยาศาสตร์ในปัจจุบัน พยายามมองหาวิธีต่างๆ ในการอธิบายข้อเท็จจริงด้วยจินตนาการสุดบรรเจิด ทำให้เกิดเป็นตัวละครที่เป็น เทพกรีก วีรบุรุษ และอสุรกาย กลายเป็นความเชื่อทางศาสนาและเป็นวัฒนธรรมที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์และไม่สาปสูญไปแม้กาลจะล่วงเลยไปนับพันปี ดังที่เราจะได้เห็นอารามและวิหารของเทพกรีกที่คงอยู่ให้ศึกษาในปัจจุบัน
นี่คือสิ่งที่เรียกว่า เทวตำนานกรีก... เทพกรีกและตำนานความวุ่นวายนับร้อย นับพันเรื่อง คล้ายเป็นบทเรียนที่สะท้อนมุมมองและความเชื่อของชาวกรีกโบราณได้อย่างชัดเจนที่สุด
ทั้งกระบวนการความคิดที่ยกย่องปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ ที่เกิดจากการบันดาลโทสะของเทพเจ้าหรือการดำรงอยู่ของปีศาจอสูรกาย กระทั่งสะท้อนมุมมองสภาพสังคมและความเป็นอยู่ เปรียบเอาซูสเป็นอย่างพ่อบ้านใจกล้าที่เจ้าชู้และมีเล่ห์เหลี่ยม แต่ก็ยังดูน่าเกรงขาม เปรียบเอาเฮรา เทพีแห่งการแต่งงานผู้ที่เป็นตัวแทนบรรดาทีมเมียหลวงที่กำราบความเจ้าชู้ของซุสด้วยการแต่งงานได้ในที่สุด
"สิ่งที่ต่างจากอียิปต์หรือบาบิโลนที่มีมาแต่เก่าก่อน คือการที่เทพกรีกนั้นไม่ได้มีรูปลักษณ์เป็นสัตว์ป่าอันดุร้ายน่าเกรงขาม แต่หากเป็นเทพผู้มีรูปลักษณ์ไม่ผิดเพี้ยนไปจากมนุษย์"
กวีกรีกพยายามถอดแบบความคล้ายคลึงระหว่างมนุษย์และเทพ โดยเล่าว่าเหล่าเทพเจ้านั้นสร้างมนุษย์ แต่แท้จริงแล้วกวีให้กำเนิดของเทพเจ้ากรีกแต่ละองค์โดยได้แรงบันดาลใจมาจากมนุษย์ ทำให้เทพกรีกดูมีความเป็นกันเองกว่า มีอารมณ์ มีนิสัย มีเอกลักษณ์เฉพาะของแต่ละองค์ หากกล่าวถึงเทพสักองค์หนึ่งขึ้นมา ก็สามารถนึกภาพนิสัยอย่างหนึ่งของเทพองค์นั้นได้โดยง่าย เช่น แอรีส เทพแห่งสงครามที่ดุดัน แท้จริงแล้วไม่ได้กล้าหาญเสมอไปเมื่อเจอกับศัตรูที่เก่งกว่า หรือความเด็ดเดี่ยวของเทพีอาร์ทีมิสที่ละความสนใจจากบุรุษเพศแล้วมุ่งเข้าสู่หนทางแห่งพงไพรในฐานะเทพีแห่งการล่าสัตว์
"Mythos เล่าขานตำนานเทพกรีก"
ที่เขียนขึ้นโดย สตีเฟน ฟราย ผู้ที่มีใจรักในเทวตำนานกรีกอย่างลึกซึ้ง ผู้เป็นทั้งนักอ่านและนักเขียน นักแสดงและนักถ่ายทอด ที่หยิบนำตำนานของเทพเจ้ากรีกมาเล่าใหม่อีกครั้ง โดยใส่ความพยายามที่จะอธิบายเทพปกรณัมให้ชัดเจนและมีความลึกซึ้งมากขึ้น โดยเปรียบเทียบกับสิ่งใกล้ตัวที่ช่วยให้คนรุ่นใหม่อย่างเราเข้าใจตัวตนของเหล่าเทพเจ้ากรีกได้ง่ายยิ่งขึ้น ดังเช่น การพยายามอธิบายต้นกำเนิดของเทพเจ้าองค์แรกอย่างเคออสและบรรดาลูกๆ ของเขา ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเทพผู้ไร้ตัวตนด้วยการอธิบายวังวนของความสับสนที่เกิดขึ้นและสลายไปรวมกันโดยเทียบกับสสารและอะตอมในจักรวาล
ปกหนังสือ Mythos เล่าขานตำนานเทพกรีก

สตีเฟน ฟราย ใช้ลักษณะการถ่ายทอดด้วยบทสนทนาของตัวละครด้วยความที่เขาเองเป็นนักเขียนบทละคร ภาพยนตร์และผู้กำกับที่มีทักษะอีกด้วย ทำให้ผู้อ่านยังได้ซึมซาบเอาบทบาทของตัวละครและบทบรรยายที่ชวนให้เห็นภาพ แต่ก็ยังใส่มุกตลกและภาษาที่ทันสมัยเข้ากับการเล่นคำที่สละสลวยที่อ่านแล้วชวนให้เพลิดเพลินตาม ราวกับเนื้อเรื่องทั้งหมดนั้นต่อเข้าด้วยกันเป็นเรื่องเดียว เหมือนเรื่องราวที่เคลื่อนไหวบนผืนผ้าที่ถักทอโดยองค์เทพีอะทีนาเอง เหนือสิ่งอื่นใด หากผู้อ่านได้ลองพลิกอ่านดูในแต่ละบท จะพบว่าผู้เขียนมีการสอดแทรกคำศัพท์ที่มีรากศัพท์มาจากชื่อของบรรดาเทพกรีกซึ่งเป็นหนึ่งในมรดกที่ตกทอดมาจากตำนานเทพกรีกอันยาวนานและหลงเหลืออยู่ในภาษาใหม่อย่างภาษาอังกฤษจวบจนปัจจุบัน จะดีแค่ไหนหากได้ลองอ่านและเรียนรู้ตำนานไปพร้อมกับภาษาที่ทั้งสนุกและช่วยให้เกิดการเรียนรู้จดจำของศัพท์ตั้งแต่ที่มาของเทวตำนานที่แต่ละเรื่องราวล้วนแล้วแต่น่าจดจำและทำให้เราเข้าใจในตัวเทพเจ้ากรีกแต่ละองค์ได้อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น
ภายในหนังสือ Mythos เล่าขานตำนานเทพกรีก
เหมือนอย่างที่ สตีเฟน ฟราย เขียนไว้ในคำนำ แน่นอนว่าความบันเทิงคือสิ่งที่คุณจะได้รับจากหนังสือเล่มนี้ แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือสาระความรู้ที่แทรกอยู่ตลอดทั้งเล่ม เปรียบดั่งของขวัญแห่งไฟจากโพรมีเทียส
หนังสือ Mythos เล่าขานตำนานเทพกรีกผู้เขียน สตีเฟน ฟรายผู้แปล อรสิริ พลเดช, พรวิภา วัฒรัชนากูลสำนักพิมพ์สารคดีสั่งซื้อที่ Shopee >> https://bit.ly/3wWr6irLazada >> https://bit.ly/3a3hdpSLnwshop >> https://bit.ly/3acHh2l